ไขข้อข้องใจ BTU แอร์คืออะไร?
รู้จักค่า BTU ก่อนตัดสินใจซื้อเครื่องปรับอากาศ เลือกให้ตรงใจจะได้ไม่พลาด
ไขข้อข้องใจ BTU แอร์คืออะไร?
BTU ย่อมาจาก British Thermal Unit คือหน่วยวัดปริมาณความสามารถในการทำความเย็น
ของเครื่องปรับอากาศ ภายใน 1 ชั่วโมง ยิ่งตัวเลข BTU สูงเครื่องปรับอากาศก็จะสามารถปรับความเย็นมากขึ้น การเลือกเครื่องปรับอากาศจึงจำเป็นต้องคำนวณค่า BTU ก่อน เพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองพลังงานและประหยัดค่าไฟ
เลือก BTU ผิดชีวิตเปลี่ยน !
การเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีค่า BTU ที่สูงเกินไป
จะทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน และอัตราค่าไฟแพง เพราะคอมเพรสเซอร์จะถูกตัดการทำงานและรีสตาร์ทระบบใหม่บ่อย ๆ ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานของแอร์ลดลง และอาจทำให้คอมเพรสเซอร์เสียหายได้
การเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีค่า BTU ที่ต่ำเกินไป
เครื่องปรับอากาศใช้เวลานานในการทำความเย็นให้กระจายทั่วห้องและยังทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักเกินไปส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงานอีกเช่นกัน แถมทำให้อายุการใช้งานสั้นลงตามมาอีกด้วย
สูตรการคำนวณ BTU เบื้องต้น
การเลือกเครื่องปรับอากาศขึ้นอยู่กับรูปแบบห้องหรือพื้นที่อาศัย แต่ในปัจจุบันสภาพอากาศค่อนข้างร้อนกว่าค่าตัวแปรที่ตั้งไว้ แคเรียร์แนะนำว่าควรใช้ค่าตัวแปร 1000 x ตารางเมตรของห้อง และเมื่อได้ค่า BTU มาแล้ว คุณสามารถเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีค่าBTU สูง-ต่ำได้นิดหน่อยแต่ไม่ควรเกิน 1000 BTU เพื่อให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
“สูตรการคำนวณค่าBTU = ความกว้าง(เมตร) x ความยาว(เมตร) x ค่าตัวแปร”
ทำไมต้องใช้ตัวแปรเข้ามาในการคำนวณ ? ก็เพื่อนำไปวัดหาค่าBTU สำหรับการเลือกติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ซึ่งตัวแปรก็จะมีค่าที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับขนาดของห้อง ระดับความร้อนที่ห้องหรือพื้นที่อาศัยจะได้รับจากภายนอก จำนวนคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้น ความถี่การเข้า-ออก/เปิด-ปิดของประตู และรวมไปถึงประเภทของเครื่องใช้ไฟฟ้าในพื้นที่นั้นด้วย ซึ่งโดยประมาณค่าตัวแปรของแต่ห้องมีดังนี้
ค่าตัวแปร
800-900 : สำหรับห้องนอน หรือห้องที่มีความร้อนน้อยโดนแดดเล็กน้อย
900-1,000 : สำหรับห้องรับแขก หรือห้องที่มีความร้อนปลานกลาง – มาก
1000-1200 : สำหรับห้องออกกำลังกาย ห้องทำงาน หรือห้องที่มีความร้อนมาก
1200 หรือมากกว่า : สำหรับร้านค้า ร้านอาหาร หรือห้องที่มีการเปิด-ปิดประตูบ่อย สำนักงาน
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงควบคู่ไปกับการคำนวณ BTU
ปัจจัยเพิ่มเติมในการคำนวณค่า BTU ที่เราไม่ควรมองข้าม
1.ขนาดและจำนวนของหน้าต่างและกระจกในห้อง
2.ทิศทางแสงแดดและตำแหน่งของห้อง
3.ความสูงของฝ้าเพดานและวัสดุหลังคามีฉนวนกันความร้อนหรือไม่
4.จำนวนคนที่ใช้งานภายในห้อง
5.จำนวนและประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ก่อให้เกิดความร้อน เช่น ไมโครเวฟ ตู้เย็น คอมพิวเตอร์ เป็นต้น
6.ความถี่ในการเปิด-ปิด/เข้า-ออกประตู
ซึ่งปัจจัยที่ได้กล่าวไปข้างต้นจะสามารถช่วยให้เราเลือกขนาด รูปแบบ และค่าBTUเครื่องปรับอากาศให้เหมาะกับการใช้โดยไม่สิ้นเปลืองพลังงานและประหยัดค่าไฟ
โดยปกติแล้วห้องของเราต้องใช้เครื่องปรับอากาศกี่ BTU ?
เครื่องปรับอากาศขนาด 9,000 BTU
เหมาะกับห้องขนาด 10-12 ตรม. ที่ไม่โดนแดดจัด
เหมาะกับห้องขนาด 7-9 ตรม. ที่ต้องรับแดดมาก
เครื่องปรับอากาศขนาด 12,000 BTU
เหมาะกับห้องขนาด 14-16 ตรม. ที่ไม่โดนแดดจัด
เหมาะกับห้องขนาด 11-13 ตรม. ที่ต้องรับแดดมาก
เครื่องปรับอากาศขนาด 18,000 BTU
เหมาะกับห้องขนาด 22-24 ตรม. ที่ไม่โดนแดดจัด
เหมาะกับห้องขนาด 19-21 ตรม. ที่ต้องรับแดดมาก
เครื่องปรับอากาศขนาด 20,400 BTU
เหมาะกับห้องขนาด 25-27 ตรม. ที่ไม่โดนแดดจัด
เหมาะกับห้องขนาด 22-24 ตรม. ที่ต้องรับแดดมาก
เครื่องปรับอากาศขนาด 25,200 BTU
เหมาะกับห้องขนาด 31-33 ตรม. ที่ไม่โดนแดดจัด
เหมาะกับห้องขนาด 28-30 ตรม. ที่ต้องรับแดดมาก